สาระน่ารู้เกี่ยวกับมะเร็ง
รู้ทันมะเร็ง : มะเร็งไทยไปเมืองนอก
11 กรกฎาคม 2557

1749


รู้ทันมะเร็ง : มะเร็งไทยไปเมืองนอก

รู้ทันมะเร็ง : มะเร็งไทยไปเมืองนอก : นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ

                      อีกปีเศษๆ ทุกประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็จะก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 31 ธันวาคม 2558 การเตรียมการในทุกภาคส่วนก็กำลังดำเนินการอย่างขมีขมัน ไม่เว้นแม้แต่วงการการแพทย์และสาธารณสุขที่มีแนวโน้มว่าจะมีทั้งบุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วยจากต่างประเทศ เดินทางเข้ามาให้บริการและรับบริการทางการแพทย์ของบ้านเรามากขึ้น ในขณะเดียวกันโรงพยาบาลเอกชนบ้านเราก็ออกไปเปิดโรงพยาบาลสาขาเพื่อหาเงินเข้าประเทศ ส่วนหน่วยงานภาคราชการก็ออกไปช่วยเหลือทางวิชาการแก่ประเทศเพื่อนบ้านเป็นส่วนใหญ่

                      ในภูมิภาคอาเซียนนั้นโรคมะเร็งนับเป็นปัญหาสำคัญเหมือนกันของทุกประเทศ ในแต่ละปีมีผู้ป่วยโรคมะเร็งทั่วทั้งภูมิภาคประมาณ 700,000 คน เสียชีวิตปีละ 500,000 ราย มีอุบัติการณ์ของโรคมะเร็งที่พบบ่อยใน 5 อันดับแรกคล้ายกัน ต้องขอกล่าวด้วยความภาคภูมิใจเลยว่า ในวงการมะเร็งนั้น ประเทศไทยเราถือว่าอยู่ในระดับแนวหน้าในภูมิภาคอาเซียน ไม่เพียงแต่เรื่องการรักษาทั้งในโรงพยาบาลภาครัฐและภาคเอกชนที่ได้มาตรฐานระดับโลก ในราคาไม่แพง ถูกกว่าการรักษาแบบเดียวกันในยุโรปและสหรัฐอเมริกาหลายเท่าตัว จนมีผู้ป่วยทั้งจากยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลางบินมารักษากันมากมาย จนนำเงินเข้าประเทศปีๆ หนึ่งหลายหมื่นล้านบาท แต่เรื่องที่หลายท่านอาจยังไม่เคยทราบมาก่อน ก็คือประเทศไทยเรายังเป็นผู้นำในภูมิภาคนี้ ในเรื่องการทำทะเบียนมะเร็งและการตรวจคัดกรองมะเร็งในระดับชาติ เพื่อค้นหาโรคมะเร็งในระยะเริ่มต้น จากการที่มีผลงานชัดเจนเป็นรูปธรรม จึงเป็นแหล่งศึกษาฝึกอบรม ดูงานของประเทศเพื่อนบ้านมาตลอด นอกจากนั้นยังออกไปช่วยจัดหลักสูตรการดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็งของอวัยวะต่างๆ ให้กับประเทศเพื่อนบ้านเหล่านั้น เพื่อให้ประชาชนผู้ด้อยโอกาสของประเทศนั้นๆ สามารถเข้าถึงการบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น

                      อีกเรื่องของมะเร็งไทยไปเมืองนอก ก็อยากฝากเตือนคนไข้มะเร็งคนไทยที่เผลอไผลไปหลงเชื่อโฆษณาชวนเชื่อ ให้ไปรักษามะเร็งที่โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่ต่างประเทศที่ประเทศจีน ที่มีโฆษณาในหนังสือพิมพ์และในเว็บไซต์ ซึ่งแท้จริงแล้วไม่ได้มีการรักษาอะไรแปลกใหม่ แต่ที่ต้องเรียกชื่อโรงพยาบาลแบบนั้น เพราะที่ประเทศจีนมีโรงพยาบาลประเภทที่ใช้การแพทย์ทางเลือกและการแพทย์แผนจีนอยู่เป็นจำนวนมากทั่วประเทศ จึงจำเป็นต้องตั้งชื่อให้ชัดเจนว่าเป็นโรงพยาบาลที่รักษาโดยการแพทย์แผนปัจจุบันการแพทย์สมัยใหม่ เพื่อให้ผู้ป่วยไม่สับสนเท่านั้นเอง ไม่ได้มีเทคโนโลยีการรักษาอะไรที่แปลกใหม่พิสดารมากมาย เพียงแต่มาเปิดออฟฟิศในบ้านเราให้คำปรึกษาผู้ป่วยมะเร็งคนไทย แล้วชักชวนให้ผู้ป่วยเดินทางไปรักษาที่เมืองจีน ต้องขอย้ำตรงนี้เลยว่าเทคโนโลยีการรักษามะเร็งของประเทศไทยเรา ไม่ได้เป็นรองของประเทศจีนแต่อย่างใด มิหนำซ้ำในหลายศูนย์การรักษามะเร็งในหลายโรงพยาบาลของบ้านเรา ยังมีเครื่องมือที่ทันสมัยกว่าเป็นไหนๆ ผู้ป่วยหลายรายที่กลับมาจากเมืองจีน ก็ได้รับการรักษาไม่ต่างอะไรจากบ้านเราแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นมั่นใจเถอะครับ ว่าการแพทย์ของเมืองไทยเราไม่แพ้ชาติใดในโลก ไม่ต้องเสียเวลาเสียเงินเสียทองนั่งเครื่องบินไปรักษาต่างประเทศหรอกนะครับ...เชื่อผมสิ